Monday, December 10, 2007

การทำน้ำยาอเนกประสงค์ชีวภาพอัญชัน

การทำน้ำยาอเนกประสงค์ชีวภาพอัญชัน
ใช้ซักผ้า-ล้างจาน-อาบ-ล้างหน้า

วันก่อนน้ำยาซักผ้าหมดพอดี จึงได้ทำใหม่ สูตรนี้เราทำแบบพอเพียงคือค่าใช้จ่ายน้อย ไม่เกิน 100 บาท ทำได้ประมาณ 8-10 ลิตร
สามารถนำไปใช้ล้างจาน ซักผ้า ล้างหน้า หรืออาบน้ำ ได้ ประหยัดได้หลายทาง แต่ขอบอกก่อนว่าสูตรนี้ไม่มีกลิ่นน้ำหอมเนื่องจากเราเน้นเรื่องความพอเพียง

และหลีกเลี่ยงสารเคมีที่ไม่จำเป็น ลองคำนวณการลดค่าใช้จ่ายดูเช่น

1. ไม่ต้องจ่ายค่าน้ำยาล้างจาน
2. ไม่ต้องจ่ายค่าสบู่อาบน้ำ (ใช้แล้วผิวนุ่มกว่าใช้สบู่)
3. ลดการจ่ายค่าน้ำยาซักผ้าเดือนละ 300 บาท เหลือเพียง 100 บาท
ได้น้ำยาประมาณ 12 ลิตร รวมแล้วต่อเดือนเราจะประหยัดเงินได้เกือบ 400 บาทเชียวนะ

ส่วนผสมคือ
1. ตัวน้ำยาซักผ้าหรือซักล้างใช้สาร N 70 ราคากิโลกรัมละ 70-80 บาท

2. เกลือเพื่อใช้ปรับความหนืดความข้น ความเหลวของน้ำยาประมาณ 1 ก.ก. (12 บาท)

3. น้ำชีวภาพอัญชันที่เราหมักได้จากการแนะนำคราวที่แล้ว สามารถทำลายเชื้อแบคทีเรีย และให้สีสวย โดยไม่จำเป็นต้องใช้สารกันบูด ประมาณ 1 แก้ว (ขวดน้ำผลไม้ 250 มล.) 4. น้ำเปล่า 8-10 ลิตร
ขั้นตอนการทำ
1. เตรียมส่วนผสมทั้ง 4 อย่าง
2. เท N 70 ใส่ลงในถังใช้ไม้พายคนเบาๆไปทางเดียวกัน ให้ขึ้นขาวฟู ถ้าหนืดเกินไป รู้สึกหนักมือให้ค่อยๆโรยเกลือลงไป (หรืออาจผสมน้ำเกลือใช้แทนได้)
3. จากนั้นค่อยๆใส่น้ำชีวภาพอัญชันเพื่อให้มีสีสวยงาม
4. ทีนี้ก็ทำสลับกันเรื่อย ถ้าหนืดเหนียวให้เติมเกลือ แล้วเติมน้ำ ถ้าเหลวไปจากการเติมน้ำมากก็เติมเกลือ จะทำให้หนืดข้นเช่นเดิม ทำเช่นนี้ไปเรื่อยจนส่วนผสมที่เตรียมไว้หมด
สุดท้ายตรวจดูความเหลวตรงความพอใจของเรา ทิ้งไว้ 1 คืนอาจทำให้หนืดขึ้นอีกเล็กน้อย ทิ้งไว้ให้ฟองยุบตัว รุ่งเช้าน้ำยาเอนกประสงค์ที่ได้ จะใสและไม่มีฟอง จากนั้นให้เรากรอกใส่ภาชนะที่ต้องการเก็บไว้ใช้ เราจะได้น้ำยาสีสวย สีม่วง-อมชมพู
จากการใช้มาอย่างต่อเนื่อง น้ำยาอเนกประสงค์อัญชันจะมีการเปลี่ยนสีเนื่องจากเราไม่ใส่ผงสีในขั้นตอนการทำ
ดังนั้นสีจึงซีดง่ายกลายเป็นสีขาว

วิธีการแก้ไข : ผู้เขียนเติมหัวเชื้อชีวภาพอัญชันที่หมักไว้ลงไป 1 หยดหรือมากกว่า แล้วแต่ชอบ เขย่าให้เข้ากัน ก็ได้สีสวยดังเดิม

สรุปเปรียบเทียบ - จากการใช้ได้เห็นความแตกต่างคือ
- หากลืมตากผ้าในทันที ทิ้งไว้หลายชั่วโมง ผ้าก็ไม่เหม็นทั้งนี้เนื่องจากน้ำชีวภาพอัญชัน
มีสรรพคุณดับกลิ่น กำจัดแบคทีเรีย/จุลินทรีย์ตัวร้าย
- เมื่อใช้ล้างจาน มือจะไม่ลอกเป็นขุยเหมือนใช้น้ำยาล้างจานตามท้องตลาด เนื่องจากเราไม่ใช้สารขจัดคราบ หากในบางจุดของภาชนะยังมี
ความมันอยู่ ให้เทน้ำยาชีวภาพอัญชันลงไป แล้วล้างเฉพาะที่ ล้างทำความสะอาดอีกครั้ง จะพบว่าขจัดความมันได้ดี

ที่สำคัญคือ เราเกิดความภาคภูมิใจที่เราสามารถนำธรรมชาติมาใช้ประโยชน์ได้ ไม่ปล่อยให้เป็นขยะ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งการทำความดีเพื่อในหลวงค่ะ


การทำน้ำชีวภาพอัญชัน

หลังบ้านของฉันมีต้นดอกอัญชันที่ฉันหวงมาก เนื่องจากกลีบดอกจะซ้อนกันเหมือนกลีบดอกกุหลาบ
หลักการทำน้ำชีวภาพคือสรรพคุณทางยาของสมุนไพรจะไม่เปลี่ยน
ที่ฉันทำทุกวันคือตื่นเช้าจะเข้าสวนหลังบ้าน หลังจากยืดเส้นยืดสายแล้วก็เด็ดดอกอัญชัญ เก็บได้วันละ 50-100 ดอก จากนั้นนำไปล้าง ผึ่งลมให้แห้งนิดหน่อย แล้วนำไปใส่ในขวดพลาสติกมีฝาปิด เทน้ำตาลทรายแดงใส่พอท่วมทุกครั้งที่เติมดอกอัญชันลงไป หมักไปเป็นเดือน จนกว่าน้ำหมักที่ได้จะเปลี่ยนสีจากสีฟ้าเข้มเป็นสีม่วง-อมฟ้าชมพู นั่นแสดงว่าเกิดความเปรี้ยวได้ที่ ชิมดูจะมีรสชาดเปรี้ยว

สรรพคุณทางยาของมันคือช่วยบำรุงหัวใจ ทำให้เส้นผมดกดำ
จากการหมักดอกอัญชันนี้ ฉันทำผลผลิตได้ 3 อย่างคือ
1. ไวน์หวานอัญชัน(blue peas sweet wine)
โดยผสมไวน์ที่หมักได้กับน้ำเชื่อมและน้ำเปล่า ในอัตราส่วน 1:1:1 ผสมกับน้ำแข็งก้อน เขย่าในขวดให้เข้ากัน แล้วเสริฟใส่น้ำแข็ง แอลกอฮอล์ที่ได้ประมาณ 5-7 ดีกรี
2. นำมาใช้ในการทำน้ำยาเอนกประสงค์อัญชันชีวภาพ เนื่องจากน้ำชีวภาพทำลายจุลินทรีย์ และน้ำชีวภาพอัญชันให้สีชมพูอมม่วง
ส่วนผสมอื่นก็คือ N70 -สารขจัดคราบ, เกลือ-เพื่อปรับสภาพข้น-เหลว , น้ำเปล่า- จำนวน 10 ขัน และน้ำชีวภาพอัญชัน 300 ซีซี
(จะแนะนำขั้นตอนการทำในตอนต่อไป)
3. ใช้สเปรย์หมักผมไว้สักครู่ก่อนสระเพื่อลดอาการคันศีรษะ

วิธีทำน้ำหมักชีวภาพ-การขยายจากน้ำซาวข้าว

การน้ำหมักชีวภาพที่ฉันทำใช้เองง่ายๆ ได้ประโยชน์
วัสดุที่ใช้

1. ผัก 3 ก.ก.หรือ 3 ส่วน
2. น้ำตาลทรายแดง 1 ก.ก.
3. น้ำ 8-10 ลิตร
อุปกรณ์
- แกลลอนสำหรับบรรจุ
- ภาชนะสำหรับล้างผัก
- เขียง,มีด
วิธีทำ
1. ล้าง หั่นเป็นชิ้น ถ้าใช้มะกรูดก็ใช้ทั้งลูก หั่น ครึ่ง ไปเรื่อยจนได้ 16 ชิ้น
2. บรรจุลงภาชนะแกลลอน
3. น้ำตาลทรายแดงคนกับน้ำก่อนก็จะทำให้ละลายเร็วขึ้น หรือไม่ก็เทใส่ลงแกลลอนเลย
4. เทน้ำใส่ลงไป ใช้พายคนให้เข้ากันดี เทน้ำที่เหลือ ให้มีเนื้อที่เหลือประมาณ 1/5 ของภาชนะ
5. ปิดฝาให้สนิทด้วยพลาสติก วางไว้ในห้องอุณหภูมิปกติ อาจคนบ่อยๆ เมื่อครบ 3 เดือนก็กรองนำมาใช้ได้
หากต้องการให้เป็นเร็วขึ้นให้ใส่น้ำชีวภาพที่หมักเกิน 3 เดือนแล้ว 2 ช้อนแกง
ประสบการณ์การใช้ - หากหมักด้วยลูกมะกรูด มะนาว จะทำให้มีกลิ่นหอม ใช้ปรับสภาพกลิ่นอับในห้อง หรือเสื้อผ้าได้ ใช้ผสมน้ำถูพื้น หรือผสมน้ำอาบให้สัตว์เลี้ยงก็ดี ที่โรงเรียนขามสะแกแสง เรากรองมาใส่ในกระบอกฉีด เพื่อขจัดกลิ่นถุงเท้านักเรียน ได้ผลชงัดจริงๆภายในเวลาไม่ถึง1 นาที
อีกวิธีคือการขยายจากน้ำซาวข้าว สูตรนี้สามารถนำมาใช้ได้ภายใน 7 วัน และควรใช้ให้หมดภายใน 1 เดือน
วัสดุที่ใช้คือ
น้ำซาวข้าว
กากน้ำตาลหรือโมลาส 1 ช.ต.

น้ำชีวภาพ 1 ช.ต.
วิธีทำ - ผสมทุกอย่างเข้าด้วยกัน แล้วกรอง เทใส่ขวด ปิดฝาให้สนิท เหลือพื้นที่ขวดไว้ 5 นิ้ว เนื่องจากจะเกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์จากการหมัก
หากต้องการให้หอมยิ่งขึ้นให้หั่นมะกรูดเป็นชิ้นเล็กๆใส่ในขั้นตอนการหมักด้วย

แล้วนำไปวางไว้ในอุณหภูมิห้อง ทุกวันควรเปิดคลายเกลียวฝาขวดเพื่อปล่อยก๊าซ ห้ามเขย่าโดยเด็ดขาด


ในวันที่ 2 ของการหมัก จะเกิดก๊าซ จนถึงวันที่ 5 จากนั้นก็จะนิ่ง เมื่อถึงวันที่ 7 ให้นำมาใช้ได้
ปกติจะนำไปไว้ล้างห้องน้ำ เราจะปลอดภัยจากสารเคมี โถปัสสาวะที่เหม็นให้เทราดเลย และเทใส่ในคอห่านทุกวันเช้า-เย็น ครั้งละประมาณ 2 ฝา ส้วมจะไม่ค่อยเต็ม ปกติต้องสูบส้วมเดือนละครั้ง เมื่อทดลองใช้ทุกวัน สูบส้วมแค่ปีละ 2 ครั้ง (ค่าบริการในพื้นที่ครั้งละ 200 บาท)
เทใส่ท่อระบายน้ำ ช่วยขจัดเชื้อโรค ผสมน้ำรดต้นไม้ ใช้ 3-4 ฝาต่อน้ำ 1 ถัง ใช้เทราดขยะที่เหม็น ใช้ล้างถังขยะ เทราดทำความสะอาดบริเวณที่สัตว์เลี้ยงทำสกปรกไว้ นอกนั้นแล้วแต่พอใจ

สำหรับข้าพเจ้าศึกษาและพัฒนาการใช้น้ำชีวภาพมาตั้งแต่ปี 45 ปี สัมผัสสารเคมีน้อยมาก ดีต่อสุขภาพและประหยัดทรัพย์ในกระเป๋าด้วย เริ่มต้นวันนี้ซิคะ

น้ำหมักชีวภาพสูตรแห้ง

การทำน้ำหมักชีวภาพสูตรแห้ง

วัสดุ- ผัก หรือผลไม้ 2-3 ก.ก. ต่อน้ำตาลทราย(ไม่ขัดขาว)1ก.ก.

วิธีทำ - หั่นผักหรือผลไม้เป็นชิ้น ชิ้นละ 2 ซ.ม. แบ่งเคล้ากับน้ำตาลทรายแดง (หรือน้ำอ้อย) ให้เข้ากันดี ใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ เว้นที่ 1 ใน 3 ของภาชนะ ปิดฝาให้สนิททิ้งไว้ 10-15 วัน จะมีน้ำออกมา

นำน้ำหมักมาขยายในอัตราส่วน น้ำหมัก:น้ำตาลทรายแดง:น้ำ 1:1:8
หมักไว้อีก 7-15 วันก็นำมาใช้ได้

หรือจะเติมน้ำ 8 ลิตร ต่อน้ำตาลทรายแดง 1 ก.ก. ใส่ในถังก็ได้ หมักต่อ 7-15 วัน
(ถ้าจะทำเป็นปุ๋ย ไม่ต้องขยาย เอามาผสมน้ำ 1 ต่อ 1,000 รดน้ำต้นไม้ได้เลย)

*อนึ่งพืชที่จะนำมาหมักแบบแห้งนี้ หากเก็บเกี่ยวก่อนพระอาทิตย์ขึ้น จะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด และไม่ต้องล้าง ถ้าเปียกฝนให้ผึ่งในที่ร่ม ให้หมาดก่อน ถ้าเปียกน้ำค้างไม่เป็นไร

ประโยชน์ของน้ำหมักชีวภาพ

จุลินทรีย์(น้ำหมักชีวภาพ)ภูมิปัญญาชาวบ้าน มีประโยชน์เพื่อสุขภาพ ใช้ซักผ้า ล้างห้องน้ำ ล้างรถ เช็ดกระจก ดับกลิ่น ใช้ใส่แผลฟกช้ำ ใช้เป็นปุ๋ยบำรุงต้นไม้ รักษาสภาพดิน และรักษาสิ่งแวดล้อม

ประโยชน์เพื่อสุขภาพ

1.ใช้แทนสบู่ได้ เพราะมีกรดอ่อนๆ
-จุลินทรีย์มะกรูด รักษาแผลน้ำเหลืองเสีย คันตามผิวหนังได้
-จุลินทรีย์ประคำดีควาย ใช้รักษากลากเกลื้อนได้
-จุลินทรีย์มะเฟือง ช่วยให้หน้าขาวนวล

วิธีการใช้
น้ำจุลินทรีย์ 3-5 ฝาน้ำดื่ม ต่อน้ำ 1ขัน ถูราดทั่วตัวทิ้งไว้ 2-3 นาที ถูตัวอีกครั้ง ขจัดกลิ่นตัวได้ดี
ลดอาการคันตามผิวหนัง

2. ใช้แทนยาสระผมได้
-จุลินทรีย์มะกรูด เหมาะกับผมอ่อน
-จุลินทรีย์กะเม็ง เหมาะกับผมแข็ง
-จุลินทรีย์ข้าวกล้อง ทำให้ผมลื่นดี

ทั้งหมดขจัดรังแคได้
วิธีการใช้ อัตราส่วนน้ำจุลินทรีย์ 1 ส่วน : น้ำ 5 ส่วน หมักผมไว้ 2-3 นาที ค่อยล้างออก

3.ใช้แทนผงซักผ้า
วิธีการใช้ - น้ำจุลินทรีย์ 3-5 ฝาขวดน้ำดื่มต่อน้ำ 3 ขัน แช่ผ้าไว้ 3-12 ชั่วโมง หลังจากซักผ้าแล้ว นำน้ำซักผ้าและน้ำแช่ผ้า ไปรดน้ำต้นไม้ จะเจริญเติบโตดี

จากประสบการณ์ผู้เขียน วิธีนี้ได้ผลดีมากเมื่อยามที่เกิดภาวะขาดแคลนน้ำ เมื่อประมาณปี 47

น้ำหมักชีวภาพ (ตอน 2)

คัดลอกจากวารสารรายสองเดือน "ดอกหญ้า" อันดับ 93
คราวที่แล้วได้เล่าถึงประโยชน์ ที่มาที่ไปของน้ำหมักชีวภาพ ต่อไปนี้ก็ลองศึกษาขั้นตอนการทำนะคะ
น้ำหมักชีวภาพสูตรน้ำ

วัสดุที่ใช้
1.ผลไม้ เปลือก หรือ เศษผลไม้ 3 ก.ก.
2.น้ำตาลทรายแดง 1 ก.ก. (น้ำตาลสีขาวทั่วไปใช้ไม่ได้)
3.น้ำสะอาด 8-10 ลิตร

วิธีทำ
1.ล้างผักให้สะอาด ผึ่งลมไว้พอสะเด็ดน้ำ
2.ใส่น้ำตาลและน้ำลงในถัง คนให้ละลาย
3.หั่นผลไม้ใส่ลงถัง อย่าใส่จนเต็ม เหลือไว้ประมาณ 1 ส่วน จากแกลลอนในภาพ ก็ใส่ผักแค่ตรงขีด
4.ใช้ถุงพลาสติกวางบนปากแกลลอนแล้วปิดฝาให้สนิท วางในที่ร่มของห้องอุณหภูมิ ห้ามตากแดดหรือแช่เย็น หมักทิ้งไว้ 3 เดือน

สามารถใช้ไม้พายคนได้ทุกวัน หรือไม่ต้องคนก็ได้ ถ้าเปิดฝาดูให้รีบปิดทันที เนื่องจากการหมักแบบนี้ต้องระวังเรื่องความสะอาด และจุลินทรีย์ในอากาศอาจทำให้น้ำหมักเสียได้ ถ้าครบกำหนดการหมัก ให้กรองออกมาใส่ภาชนะสะอาด มีฝาปิดมิดชิด เหลือที่ไว้ให้แก๊สบ้าง จะต้องได้กลิ่นหอมจากผลไม้ชนิดนั้น กลิ่นเปรี้ยวๆ แต่ถ้าน้ำหมักส่งกลิ่นเหม็นเน่าเหมือนน้ำคลำ แสดงว่าใช้ไม่ได้ ให้นำไปใช้ในการกำจัดวัชพืชแทน

จากกระบวนการหมักจะเกิดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ผู้เขียนเคยสอนให้นักเรียนทำโดยย่อ
อัตราส่วน ให้ใส่ในขวดเปล่าน้ำอัดลมขนาด 1-1.5 ลิตร และให้ระวังเรื่องการบรรจุน้ำ หากเหลือที่ว่างไม่มากพอ แก๊สภายในจะระเบิดออกมาได้ ห้ามเขย่าก่อนเปิด คลายฝาขวดเพื่อให้แก๊สออกมา และห้ามใช้ขวดแก้วในการบรรจุ

ข้อควรระวัง :
1.ทุกอย่างต้องสะอาดหมดตั้งแต่ น้ำ ผัก ภาชนะ
2.ห้ามบรรจุในภาชนะที่เป็นแก้ว
3.ห้ามวางตากแดด

ประโยชน์ :
ใช้ซักผ้า ใส่โถส้วม ล้างห้องน้ำ ถูพื้น เทลงท่อระบายน้ำ ผสมน้ำรดต้นไม้ ฉีดถุงเท้าเพื่อดับกลิ่น สเปรย์เพื่อดับกลิ่นภายในห้องและเสื้อผ้า ดับกลิ่นมูลสัตว์ และอื่นๆ

คัดลอกมาจากวารสารรายสองเดือน “ดอกหญ้า”อันดับ 93

น้ำหมักชีวภาพ

คัดลอกจากวารสารรายสองเดือน "ดอกหญ้า" อันดับ 93

น้ำหมักชีวภาพ (Enzyme Ionic Plasma) (เรียกสารสกัดชีวภาพ น้ำหมักหรือ จุลินทรีย์)

คือ ของเหลวสีน้ำตาล ที่มีทั้งจุลินทรีย์ และสารอินทรีย์ ที่เป็นประโยชน์ต่อการเพาะปลูก สามารถทำใช้ได้ทุกครัวเรือน นำผลไม้ หรือพืชผัก และเศษอาหาร มาหมักกับน้ำตาลทรายแดง น้ำตาลอ้อย หรือกากน้ำตาล หมัก 15 วัน - 3 เดือน (ยิ่งนานยิ่งดี) ก็จะได้น้ำหมักที่มีจุลินทรีย์ ซึ่งสามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น การเกษตร ทำปุ๋ย รดน้ำต้นไม้ ชำระล้างคราบสกปรก ซักเสื้อผ้า ล้างห้องน้ำ ดับกลิ่นเหม็นจากปัสสาวะ ในห้องน้ำ โถส้วม ท่อระบายน้ำ

วิธีทำมี 2 แบบ
1.หมักแบบน้ำโอโซน ของ ดร.รสสุคนธ์ พุ่มพันธ์วงค์

2.หมักแบบแห้ง ไอเอ็มโอ ของ มร.ฮาน คิวโซ จากเกาหลี
กลุ่มสันติชีวภาพได้ปรับวิธีการทำของ ดร.รสสุคนธ์ พุ่มพันธ์วงศ์ และ มร.ฮาน คิวโซ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม และใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด

ผู้เขียน(ohsons)มีความถนัดกับสูตรทำน้ำหมักชีวภาพของกลุ่มสันติชีวภาพ เนื่องจากทำได้ง่าย และได้ผลดีเช่นกัน ผู้เขียนได้ทดลองมาแล้วหลายอย่าง อาทิ

1.ใช้ดับกลิ่นปัสสาวะแมว กลิ่นจากห้องน้ำ โถปัสสาวะ

2.ดับกลิ่นคาวของพื้นห้อง

3.แก้อาการคันผิวหนัง

4.ดับกลิ่นถุงเท้านักเรียน

5.ดับกลิ่นมูลสัตว์

6.ดับกลิ่นเหม็นจากถังขยะ

7.ปรับสภาพน้ำเน่าเหม็น และปรับสภาพน้ำจากบ่อเลี้ยงปลา

คัดลอกจากวารสารรายสองเดือน “ดอกหญ้า”อันดับ 93

กาลก่อนนั้น

เมื่อก่อนที่บ้านมีแมวจรจัดมาแอบปัสสาวะไว้ข้างบ้าน เหม็นมากๆ ทำอย่างไรก็ไม่หายเหม็น แม่บอกว่ามี E.M.(น้ำหมักชีวภาพ) ที่นักเรียนทำไว้ จึงขอมาลองใช้ ได้ผลแฮะ

วิธีใช้เพื่อขจัดกลิ่น : น้ำ 1 ขัน ต่อ E.M. 4-5 ฝา ที่จริงไม่ต้องเข้มงวดเรื่องปริมาณนัก ยิ่งใช้มากยิ่งดี แต่เปลือง
ต่อมาก็กล้าที่จะเอาไปสอนให้เพื่อนบ้านใช้เนื่องจากเหม็นกลิ่นขี้หมูมาก ให้ใช้ผสมน้ำราดตัว ราดพื้น ราดบนอาหาร ราดบนพื้นบริเวณทั่วไป ที่สกปรกนะ ครับเขารับปาก…แต่ทำแค่10 วัน หลังจากนั้น ก็เหม็นเหมือนเดิม ยังดีนะที่ไม่เหม็นทุกวัน

จากนั้นก็ศึกษาจากตำราหลายเล่ม เมื่อ 5 ปีที่แล้ว(ปี2545) อินเตอร์เน็ตยังไม่แพร่หลายนัก และฝึกฝนทำหลากหลายวิธีจนจำกลิ่นได้ สามารถลดขยะธรรมชาติได้มาก รู้สึกว่าชีวิตมีความหมายขึ้น หมายความว่าเราสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยธรรมชาติ ประหยัด ปลอดภัยต่อชีวิตเราและคนที่เรารัก จากนั้นก็เริ่มลด ละ การใช้สารเคมี การทำตามสูตรน้ำชีวภาพ หรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในบ้านต่างๆมีหลายสำนัก เราต้องปรับใช้ เอาแค่บางอย่างที่เราคิดว่าจำเป็นไม่ต้องตามสูตรที่เขาเขียนไว้ เพราะบางครั้งมันเปลืองเงิน (คิดอย่างพอเพียง)

Sunday, December 2, 2007

What is E.M. (Effective-Micro-organism)

This is how I started to learn about Effective Micro-organism (E.M) นี่คือการเริ่มศึกษาเรื่องน้ำจุลินทรีย์ (น้ำชีวภาพ,น้ำอีเอ็ม ) ของฉัน



If it was in previous time I would never know how to deal with used clothes. How could I kill germ. How could I get rid of smell. I paid only 2 US $ (70baht) for this jacket , it's beautiful.
ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็คงไม่รู้จะทำยังไงกับเสื้อผ้าใช้แล้วแบบนี้ จะฆ่าเชื้อโรคอย่างไร จะกำจัดกลิ่นอย่างไร ฉันซื้อมาในราคาแค่ 70 บาท แต่มันสวยถูกใจมาก
Five years ago (In 2002) I was upset with the smell made by strain cats. I bought antiseptic liquid to use but it was useless and wasted my money a lot. So I decided to try Effective Micro -organism which students had made and left it at Luang-ta -share's monastery,Sique District,Nakhonrajsima. I just mixed it with water then poured at the area for three to four times. And it worked!! Since then, I learned about it seriously and made new products myself.

เมื่อห้าปีที่แล้วฉันปวดหัวกับกลิ่นอันไม่พึงปรารถนาของเจ้าแมวจรจัดเหลือเกิน (ไม่รู้ว่าจะเรียกเจ้าแมวหรือเจ้าพวกแมวดี เพราะไม่เคยเห็นตัวมันเลย) ฉันซื้อพวกน้ำยาฆ่าเชื้อมาใช้ หมดเงินไปก็เยอะ แต่ก็ไร้ผล ก็เลยตัดสินใจลองเอาน้ำจุลินทรีย์ ซึ่งนักเรียนทำไว้ที่วัดหลวงตาแช อำเภอสีคิ้ว นครราชสีมา มาลองใช้ดู ฉันก็เพียงแค่ผสมน้ำราดตรงที่มันฉี่ไว้ ใช้สัก 3-4 ครั้งเห็นจะได้ ปรากฏว่าเห็นผล กลิ่นหายหมดเลย ตั้งแต่นั้นมาฉันก็ศึกษาการทำและทดลองทำ จากพืชผักทุกชนิดตามความพอใจ หากมีวัสดุพอเพียง

Let's think about it. Will it be good for us not touching,eating toxic in food ,medicine or in cosmetic we use everyday. You know the answer already.
เรามาลองคิดกันดูว่า จะดีแค่ไหนหากเราไม่มีการสัมผัสสารเคมี หรือทานเข้าไปเลย ไม่ว่าจากอาหารหรือยารักษาโรค หรือแม้กระทั่งเครื่องสำอางค์ที่เราใช้กันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คุณรู้คำตอบอยู่แล้ว
I am very proud of myself because I can reduce using chemical stuff and can change garbage in the kitchen to effictive micro-organism which can kill bad bacteria on clothes, in stomach, in the air or elsewhere.
ฉันภูมิใจมากที่ฉันสามารถลดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมี และสามารถเปลี่ยนขยะในครัวเรือนให้เป็นจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ ซึ่งเขาสามารถฆ่าแบคทีเรียตัวร้ายที่อยู่ในเสื้อผ้า ในกระเพาะ ในอากาศหรือที่ใดๆก็ตาม
Why fruits have gone bad when you leave it for just seven days. If there are so many fruits left from eating , what will you do?
ทำไมหากเราวางผลไม้ทิ้งไว้ซัก 7 วัน มันก็เริ่มเน่าซะแล้ว ถ้ามีผลไม้เหลือจากการกินมากมายเราจะทำยังไงกับมันดี
The following fermented fruit is adapted by my experience.น้ำชีวภาพต่อไปนี้ปรับใช้จากประสบการณ์ของฉันเอง I used papaya ,lime,pineapple or leaves. อาจใช้มะละกอ มะกรูด สับปะรดหรือใบไม้ก็ได้

What is E.M. used for? น้ำชีวภาพใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง

1. For environment (สำหรับสิ่งแวดล้อม)
E.M. from vegetables and fruits (น้ำหมักชีวภาพจากผักและผลไม้)

- Lime makes good smell in toilet or solve water pollution
มะกรูดให้กลิ่นหอมใช้ในห้องน้ำหรือแก้ปัญหาน้ำเน่าเสีย

- Banana and papaya used for itchness on skin
กล้วยและมะละกอใช้รักษาอาการคันผิวหนัง

- Star fruit used for making white skin
มะเฟืองใช้แล้วทำให้ผิวขาว

-Any kind of those makes fresh air
น้ำหมักชีวภาพทุกชนิดทำให้อากาศบริสุทธิ์ไม่มีกลิ่นเหม็นอับ

Or clean the floor
หรือใช้ทำความสะอาดพื้นจะดับกลิ่นคาว

2. For healing (สำหรับเป็นยารักษาโรค)
- Preserved Lime is used for relief cough and sorethroat (we use all part)
มะกรูดใช้ทำยารักษาอาการไอ เจ็บคอ
- Preserved Thai Noni is used for stomach such as diarrhoea ,constipation
น้ำลูกยอใช้รักษาอาการท้องร่วงและท้องผูก

3. For Food and drinks ( สำหรับเป็นอาหารและเครื่องดื่ม)
- Make Wine from flowers and gooseberries ทำไวน์จากดอกไม้และมะยม

4. For detergent (สำหรับการซักล้าง)

- Mix E.M. with N.70 to make soap for washing up clothes or dishes
ผสมน้ำชีวภาพกับ N.70 เพื่อทำน้ำยาอเนกประสงค์ใช้ซักผ้าล้างจาน

Now I would like to show how to make E.M.
Uses of micro-organism (Can not be used with chemical products)

What we need : วัสดุที่ต้องการ

1.We need 3 parts (kilos) of natural (can be vegetable or fruit or leaves of plants) must not gone bad.
เราต้องการวัสดุพืชผักธรรมชาติที่สด ไม่เน่าเสีย 3 ส่วน (หรือ 3 กิโล)

2. We need 1 part (kilo) of brown sugar. เราต้องการน้ำตาลทรายแดง 1 ส่วน (กิโล)

3. We need 10 parts (litrs) of clean water. เราต้องการน้ำสะอาด 10 ส่วน (ลิตร)

What to use : อุปกรณ์ที่ใช้
1. Big bowl ชามใหญ่ๆ 1 ใบ
2. Container with lid ภาชนะมีฝาปิด
3. Plastic bag and elastic พลาสติกและยางวง

How to make it : ขั้นตอนการทำ

First , wash vegetable or fruit. Then cut it in small pieces. Put it in container.
ล้างผักผลไม้ให้สะอาด แล้วจากนั้นหั่นเป้นชิ้นเล็กๆ บรรจุลงในภาชนะที่เตรียมไว้

Mix sugar with some water. After the sugar dissolves, pour it in the container and add remaining water.
ผสมน้ำกับน้ำตาลนิดหน่อยพอให้น้ำตาลละลาย จากนั้นเทลงในภาชนะ เติมน้ำส่วนที่เหลือ


Put two spoonfuls of three months E.M. in the mixer.
ใส่หัวเชื้อจุลินทรีย์ลงไป 2 ช้อนในส่วนผสม



Finally, cover with plastic,elastic and close the lid. Leave it in normal temperature of the room . Don't let it stand in the sun. Keep it for three months. After three months, strain it and keep it in bottles ready to be used. Beware to fill it by leaving one part of the bottle left for gas to be released.
สุดท้ายให้ปิดฝาด้วยพลาสติก รัดยาง ปิดฝาให้แน่น วางไว้ในอุณหภูมิห้องปกติเป็นเวลา 3 เดือน หลังจากครบกำหนดแล้วให้กรองเอาแต่น้ำชีวภาพใส่ขวดไว้ใช้ เมื่อเติมในขวดให้เหลือส่วนหนึ่งไว้สำหรับการเกิดแก๊สด้วย

When is the perfect time to make it ?
เวลาที่เหมาะแก่การทำ

I think the perfect time is in March. Or whenever the temperature is about 30-40 degree celcious.
ฉันคิดว่าเวลาที่เหมาะในการทำน่าจะราวเดือนมีนาคม หรือเมื่อไรก็ตามที่อากาศเริ่มร้อนนิดๆ ประมาณ 30-40 องศาเซลเซียส

How to use it : ใช้อัตราส่วนเท่าใด
1. To water plants 1 : 500
ใช้รดน้ำต้นไม้
2. For drainage 1 : 10
สำหรับล้างท่อทำความสะอาด
3. For farms 1 : 10
สำหรับดับกลิ่นมูลสัตว์
4. For cleaning the floor 5 lids for 1 bucket
สำหรับถูพื้น 5 ฝาต่อน้ำ 1 ถัง

However if you make it yourself, you feel free to use.
อย่างไรก็ตามหากคุณทำใช้เองคุณจะใช้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกลัวสิ้นเปลือง

See you in my next post. แล้วพบกันใหม่คราวหน้าค่ะ