Sunday, August 29, 2010

มะกรูดขับเสมหะลดอาการไอ

สูตรนี้เหมาะสำหรับผู้มีเลือดกรุ๊ปโอ เพราะคนที่มีเลือดกรุ๊ปนี้ชอบทานอาหารมันๆ เช่นกะทิ ครีม จึงทำให้มีเสมหะมาก

วิธีหมักมะกรูดชีวภาพ
มะกรูดที่ใช้หมักควรเลือกที่ไม่อ่อนและแก่จนเหลือง ล้างให้สะอาดก่อนหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ หรือใส่ทั้งลูกก็ได้ เติมน้ำตาลทรายแดงในอัตราส่วน 3 ต่อ 1(มะกรูด 3 ก.ก.น้ำตาลทราย 1 ก.ก.) หมักทิ้งไว้ 3 เดือน ในภาชนะสะอาด มีฝาปิด ตั้งทิ้งไว้ในที่ร่ม เมื่อครบกำหนดแล้ว ให้กรองเอาน้ำเชื่อมมะกรูดชีวภาพใส่ขวดไว้จิบแก้อาการไอ เจ็บคอ มีเสมหะ

ส่วนมะกรูดในถังหมักที่เหลือก็ให้ใส่น้ำตาลทรายอีก 1 ก.ก. หมักต่อไปอีก 1 เดือน กรองเอาน้ำเชื่อมมะกรูดไว้ใช้แก้ไอ เจ็บคอ ขับเสมหะเช่นเดิม(หมักครั้งที่2)

ครั้งสุดท้ายก็ใส่น้ำตาลทรายอีก 1 ก.ก หมักต่ออีก 1 เดือน แล้วกรองทำเช่นเดิมก็จะได้น้ำเชื่อมแก้ไอ ขับเสมหะ ชีวภาพมะกรูดไว้ใช้โดยไม่ต้องพึ่งพายาแผนปัจจุบันซึ่งเป็นสารเคมี(การหมักครั้งที่ 3) ได้มะกรูดหมัก 5 เดือน

หลังจากการกรองครั้งที่สามแล้ว ผู้เขียนสังเกตว่ามะกรูดหมักของเราชักมีเหลือมาก จะนำมาใช้ประโยชน์อันใดดี จึงลองใส่น้ำตาลทรายไปในมะกรูดที่สิ้นน้ำยาแล้ว และหมักต่อ และลองเอาไปให้นักเรียนอมเวลาไอเจ็บคอ รู้สึกเป็นที่ชื่นชอบมาก เนื่องจากมีรสหวานปนขื่นนิดๆ ชุ่มคอดี ทำให้อาการไอ เจ็บคอลดลงถึงหาย จึงลองกด บีบ บดให้ละเอียดแล้วใส่น้ำร้อน เอ...ใช้ได้รสชาดดี จึงกลายเป็นน้ำมะกรูดชีวภาพเพื่อสุขภาพ สรรพคุณคือ ช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ ขับเสมหะ ทำให้คอโล่งสบาย และช่วยปรับสภาพร่างกายให้สดชื่น
มีวิธีทำดังนี้ค่ะ
1. ตักเนื้อมะกรูดใส่ถุงพลาสติกใบขนาดย่อม ประมาณ 2 ถ้วยตวง
2. เทน้ำตาลทรายใส่ลงไปให้ท่วมเนื้อมะกรูด

3. ใช้ขวดช่วยในการบด บี้ให้ละเอียดที่สุด

4. จะได้มะกรูดชีวภาพเนื้อละเอียด
5. เตรียมภาชนะบรรจุที่สะอาด เทน้ำตาลทรายที่ก้นขวด ตักเนื้อมะกรูดชีวภาพใส่ลงไป

6.ก่อนปิดปากขวดให้เทน้ำตาลทรายก่อน เพื่อให้จุลินทรีย์ทำงาน

วิธีการชงดื่ม
1. เทน้ำร้อนใส่ถ้วยประมาณครึ่งถ้วย
2. ตักมะกรูดชีวภาพประมาณ 2 ช.ช. (หรือ 1 ช้อนชาพูนๆ ดังภาพ) ใส่ลงไป3. คนให้เข้ากัน
4.กรองใส่ในภาชนะอีกถ้วยก่อนดื่ม
เท่านี้เราก็ได้เครื่องดื่มร้อนๆ เพื่อสุขภาพสำหรับคนในครอบครัวแล้วค่ะ















Saturday, August 28, 2010

สบู่เหลวน้ำหมักชีวภาพเปลือกมังคุด

ในเมืองไทยใช้เปลือกมังคุดตากแห้งฝนกับน้ำดื่ม แก้อาการท้องเสีย เปลือกมังคุดตากแห้งใช้ทาแผลพุพองเน่าเปื่อย ด้วยสรรพคุณดังกล่าวนี้เอง จึงมีการนำเอามังคุดมาเป็นส่วนผสมทำสบู่สมุนไพร สบู่เปลือกมังคุดมีสรรพคุณช่วยดับกลิ่นกาย สมานผิว กระชับรูขุมขนซึ่งได้รับความนิยมจากผู้ใช้ไม่น้อย

ที่เป็นเช่นนี้เพราะในเปลือกมังคุดมี "แทนนิน" สารอะไรที่มีรสฝาดๆ ส่วนใหญ่ก็จะมีสารแทนนินอยู่ทั้งนั้นในตำรายาไทยมักจะกล่าวถึงสารรสฝาดว่า มีฤทธิ์ชอบสมาน โดยจะช่วยในการรักษาอาการท้องเสีย และรักษาแผลพุพองต่างๆ โดยแทนนินมีฤทธิ์ตกตะกอนโปรตีน และส่วนใหญ่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรค

การที่เปลือกมังคุดมีรสฝาด จึงช่วยสมานผิวทำให้รูขุมขนกระชับ ทำให้ผิวหนังแข็งแรง มีสารต้านออกซิเดชั่น มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ มีฤทธิ์ต้านฮิสตามีน เมื่อรูขุมขนกระชับโอกาสที่เชื้อโรค สารพิษ จะแทรกเข้าผิวหนังผ่านรูขุมขนก็ยากขึ้น คนโบราณเมื่อเป็นตุ่มคันจากความอับชื้นเขาจะแนะนำให้ใช้เปลือกมังคุดต้มอาบ หรือใช้ชะล้างตุ่มคันเหล่านั้น และนอกจากนั้นเมือเป็นแผลในปากหรือเหงือกบวม ก็แนะนำให้ใช้เปลือกมังคุดต้มอมบ้วนปากอีกด้วย

ที่มา http://www.doctor.or.th/node/2172

ผู้เขียนทำสบู่เปลือกมังคุดหมักใช้เอง โดยลงทุนเพียงแค่ไม่ถึง 100 บาท (ค่า N70=80บาท และค่าเกลืออีก 12 บาทเท่านั้น)โดยไม่มีการปรุงแต่งกลิ่นหอมใดๆ ประหยัดดี และปลอดภัยจากสารเคมี
วัสดุที่ใช้ดังนี้

1. N 70 จำนวน 1 ถุง ราคา 80 บาท

2.น้ำหมักชีวภาพเปลือกมังคุด(หมักเกิน 3 เดือน) 1 ลิตร
3. เกลือป่น 1 ก.ก.
4. น้ำเปล่า 1 ถัง ( 8 ขัน)
ขั้นตอนการทำ
เท n70 ใส่ถัง คนไปทางเดียวกันเบาๆจนขึ้นขาว เทน้ำหมักเปลือกมังคุดเบาๆ ใส่เกลือทีละนิด และเติมน้ำทีละหน่อย สลับกันไปเรื่อยๆจนส่วนผสมหมด เกลือเป็นตัวปรับความข้น ความเหลว หากเหลวไปเติมเกลือ หากข้นไปเติมน้ำ
เมื่อส่วนผสมหมดแล้ว ให้ตั้งทิ้งไว้ 1 คืน เพื่อให้ฟองยุบตัว รุ่งเช้าจึงค่อยเทใส่ภาชนะเก็บไว้ใช้















ชาน้ำหมักชีวภาพจากเปลือกมังคุด

การพบสารในมังคุดที่เรียกว่า “แซนโทน (xanthones ซึ่งมีอยู่ถึง ๔๓ ชนิด เช่น mangostin, mangostenol, mangostenone A, mangostenone B, trapezifolixanthone, tovophyllin B, alpha- and beta-mangostins, garcinone B, mangostinone, mangostanol เป็นต้น)
ซึ่งมีมากในเปลือกผลและเมล็ด และมีน้อยในเนื้อผล สารกลุ่มนี้มีฤทธิ์ในการต้านออกซิเดชั่น ต้านการอักเสบและมีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาอื่นๆอีกมากมาย

ทำให้ปัจจุบันมีการสั่งเปลือกมังคุดจากประเทศไทยไปสกัดสารดังกล่าวในประเทศต่างๆ เช่น
-นำเข้าไปในประเทศอินเดีย โดยโรงงาน Dhanvantari Botanicals เป็นโรงงานผลิตสารสกัดและสารบริสุทธิ์ ของบริษัท Renaissance Herbs
-ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ซื้อเปลือกมังคุดแห้งจากเมืองไทย ซื้อแต่ละครั้งประมาณ ๑๕ ตัน ในกิโลกรัมละ ๒.๕ ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ ๑๐๐ บาท) จากโรงงานทำน้ำมังคุดหรือมังคุดกระป๋องในประเทศไทยหลังจากทำการสำรวจแล้วว่าเปลือกมังคุดของประเทศไทยให้สารแซนโทนสูง
ที่มา http://www.doctor.or.th/node/2172


โรคและอาการที่มีแนวโน้มที่มังคุดจะเป็นประโยชน์
จากฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาการศึกษาในห้องทดลองพบว่าโรคและอาการที่มังคุดน่าจะนำมาใช้ประโยชน์มีดังต่อไปนี้

-โรคและอาการทางผิวหนัง
-ต้านเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดหนอง
-รักษาแผลอักเสบและแผลเรื้อรัง
-ต้านเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว
-บรรเทาอาการแพ้
-ป้องกันผิวจากแสงแดด
-โรคและอาการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร
-โรคและอาการทางหัวใจและหลอดเลือด
-อาการอักเสบของกระดูกและกล้ามเนื้อ
-โรคมะเร็ง
-โรคเอชไอวี

ผู้เขียนก็ได้เก็บเปลือกมังคุดที่ล้างสะอาดแล้วไปตากแดดไว้เพื่อทำน้ำหมักชีวภาพ ทำเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ และบดเป็นผงไว้ทำครีมแก้แพ้ ด้วยเช่นกัน
ประโยชน์ของสารสารแซนโทนจากเปลือกมังคุดสรุปได้ดังนี้
1. ลดอาการอักเสบ และรักษาแผลพุพองต่างๆ
2. ป้องกันโรคหัวใจ
3. ลดความดันโลหิต (antihypertensive) และลดระดับคอเรสเตอรอล
4. บำรุงสภาพภายในกระเพาะอาหาร
5. ช่วยให้ทางเดินปัสสาวะมีสภาวะที่ดีขึ้น
6. เพิ่มพูนสติปัญญา
7. ต่อต้านและป้องกันโรคมะเร็ง
8. ต่อต้านและป้องกันโรคภูมิแพ้ (allergies)
9. ต่อต้านและป้องกันการติดเชื้อรา, แบคทีเรียบางชนิด, เชื้อไวรัส
10. เพิ่มพลังงานและสร้างความกระปรี้กระเปร่าต่อต้าน ป้องกันโรคซึมเศร้า
11. บำรุงผิวพรรณ
12. รักษาอาการปากแตกหรือปากเป็นแผล
13. ช่วยป้องกันโรคนิ่วในไต
14. ช่วยชะลอการร่วงโรยแห่งวัย (aging)
15. ช่วยในการย่อยอาหาร
ขั้นตอนการหมักน้ำเปลือกมังคุดชีวภาพ
ใช้อัตราส่วน : เปลือกมังคุด 3 ส่วน (3 ก.ก.)
น้ำตาลทราย 1 ส่วน (1 ก.ก.)
น้ำเปล่า 8-10 ส่วน (8-10 ขัน)

ใส่ทุกอย่างลงในภาชนะที่จะหมัก ปิดฝาให้สนิท ตั้งไว้ในร่ม ห้ามถูกแดด เขย่าหรือคนได้ทุกวัน ทำการหมักทิ้งไว้ 3 เดือน จากนั้นจึงกรองใส่ขวดไว้เพื่อปรุงเป็นเครื่องดื่ม หรือทำผลิตภัณฑ์ต่างๆได้

สูตรการปรุงเครื่องดื่มน้ำชีวภาพมังคุด
1. น้ำชีวภาพมังคุด 1 ช.ต. (หมักเกิน 3 เดือน)

เพิ่มรูปภาพ2.น้ำร้อน 1 ถ้วยกาแฟ

3.น้ำผึ้ง 1 ช.ต. ผสมทุกอย่างคนให้เข้ากันดื่มแทนกาแฟ รสชาดอาจมีฝาดปนอยู่บ้าง ถ้าพอจะมีน้ำผลไม้เปรี้ยวๆ ก็ลองแต่งเติมดูให้ถูกใจผู้ดื่มก็ดีค่ะ